Books about Thailand.

2553-01-29

งานเกษตรแฟร์ 2553

เชิญเที่ยวงานเกษตรแฟร์ ประจำปี 2553 ปีนี้จัดระหว่างวันที่ 29 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2553 บริเวณ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน
ในงานมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ
นิทรรศการงานวิจัย
การประกวด สัตว์เลี้ยง พืชผัก ผลไม้ ไม้ประดับ กล้วยไม้
สินค้าเกษตร อุปโภค บริโภค ต้นไม้
การสาธิตวิชาชีพ
ไป แน่ๆงานนี้

2553-01-23

ขึ้นรถไฟไปเีที่ยวสงขลา ตอน 2



 คณะญาติฝ่ายคุณพ่อ ลูกๆหลานๆคุณปู่เหยียบ 40 ชีวิต
คุณพ่อแวะเยี่ยมคุณปู่ คุณย่าที่สุราษฎร์ เราอยู่ที่นั่นกัน 2 วัน หลังจากนั้นเราจับรถประจำทางชุมพร-หาดใหญ่ เพื่อเดินทางต่อไปสงขลา ค่ารถคนละ 200 บาท ใช้เวลาบนรถประมาณ 4 ช.ม.เราก็ถึงหาดใหญ่ รถวิ่งเข้าสถานีขนส่งโดยไม่เข้าเมือง คุณพ่อบอกว่าแต่ก่อนรถจะวิ่งเข้าไปส่งคนถึงหน้าหอนาฺกา ออ! แล้วตรงหอนาฬิกาแต่ก่อนเป็นพลาซ่า เด๊๋ยวนี้เขาสร้างเป็นที่ทำการเทศบาลนครหาดใหญ่แทนแล้ว เราต่อรถตู้สงขลา-หาดใหญ่เพื่อเดินทางต่อไปสงขลาค่าโดยสารคนละ 30 บาท(สายเก่า)ใช้เวลาประมาณ 40 นาที(30ก.ม.)




รถประจำทางชุมพร-หาดใหญ่


หน้าหอนาฬิกา จุดเคาดาวน์หาดใหญ่เมื่อปีใหม่
ไชโย!! ถึงที่หมายกันแล้ว น้าเทพเพื่อนคุณพ่อมารับเราที่สามแยกสำโรง แล้วพาเราไปส่งที่บ้านคุณตา คุณยาย คุณพ่อเจอเพื่อนๆแก๊งค์สมิหลาบันเทิงซัดเหล้ากันค่อนคืน ส่วนคุณแม่กับหนูอยู่บ้านคุยสารทุกข์สุกดิบกับคุณตาคุณยาย หนูไปหาพี่ เพื่อนหลายคนทั้งพี่วิว พี่บอส พี่วิทย์ พี่มุก พี่บิ๋มพี่ปังปอนด์ เจเจและอีกเยอะแยะ และชวนพี่บอสให้โดดเรียน 1 วัน(พี่บอสอยู่อนุบาล 2 โรงเรียนจุลสมัย)เพื่อว่าวันรุ่งขึ้นเราจะไปเที่ยวหาดชลาทัศน์กัน




หาดชลาทัศน์ เป็นชายหาดที่ต่อเนื่องกับหาดสมิหลา สามารถมองไปเห็นเกาะหนู เกาะแมวที่อยู่ไกลออกไปได้ นักท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่เป็นคนไทย ช่วงเย็นวันศุกร์ เสาร์คนจะเยอะมาก วันที่หนูไปกับพี่บอสเป็นวันพุธจึงไม่ค่อยมีใคร หนูเห็นคนเล่น kiteboard ซึ่งเป็นกีฬาชนิดหนึ่งน่าสนุกมาก หนูเล่นกันอยู่ได้ไม่นานก็ต้องกลับเพราะลมแรงมาก คุณพ่อกลัวพวกเราไม่สบาย คุณพ่อบอกว่าพรุ่งนี้จะไปสวนสัตว์สงขลา แต่วันนี้เราไปหาข้าวทานกันก่อน

คุณพ่อพาพวกเราไปทานอาหารที่ร้าน ขามคู่ อยู่ถนนกาญจนวานิช เพราะเคยไปทานส้มตำปูม้าแล้วอร่อยมาก ปูสด เนื้อหวาน มะละกอแครอทสดกรอบ รสชาติเผ็ด เปรี้ยวหวานกำลังดี ทานอาหารอิ่มอร่อยแล้วเรากลับบ้านพักผ่อนพรุ่งนี้จะไปเที่ยวสวนสัตว์สงขลากัน

2553-01-21

ขึ้นรถไฟไปเที่ยวสงขลา ตอน 1

ทริปนี้ เราเริ่มออกจากบ้านคลองห้า รังสิต ราวๆ 5 โมง คุณพ่อเรียก แท็กซี่ 1681 ไว้นัดให้มารับ 5 โมง ได้แท็กซี่แล้วเราขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-บางพลี วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก (9) ออกกรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่ ตัดเข้าทางพิเศษศรีรัช มุ่งไปถนนพระราม 4 แต่วันนั้นฝนตกในกรุงเทพฯ เราติดอยู่ตรงทางลงออกถนนพระราม 4 อยู่นานมาก คุณพ่อกลัวไม่ทันรถไฟ จึงบอกแท็กซี่ว่าเราขอลงตรงนี้ หละ่ เพื่อเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีสวนลุมพินี ในที่สุดเราก้อไปถึงหัวลำโพงตอน ซัก ทุ่ม กับ 10 นาที เรามีเวลาเหลืออีก 20 นาที คุณแม่จึงไปหาซื้อของใช้จำเป็นที่ต้องใช้บนรถไฟ เช่นพวก ทิชชู่ ยาอม ยาดม ยาหม่อง ขนมขบเคี้ยวแก้หิว ส่วนคุณพ่อซื้อเบียร์ 3 กระป๋อง(อีกแหล่ว) เพราะบนรถไฟจะแพงกว่าทั่วไปเกือบๆ เท่าตัวเลย ละ่(คุณพ่อว่างั้น)
            คุณพ่อจองตั๋วรถไฟชั้น 2 นอนพัดลมไปลงที่สุราษฎร์ฯ เพื่อแวะเยี่ยมคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อเห็นว่าระยะทางมันสั้นแค่สุราษฎร์ฯ เลยประหยัดๆหน่อยจองชั้น 2 นอนพัดลม คุณพ่อผิดหวังนิดหน่อยเพราะตู้โดยสารเที่ยวนี้โทรมมาก น้ำห้องน้ำก้อไม่มี คุณพ่อลุกขึ้นไปอึราวๆ ตีสามเห็นว่าไม่มีน้ำดีว่าเรามี ทิชชู่ไปด้วย คุณพ่อบอกว่าเขาแวะเติมน้ำที่สถานีชุมพรเพื่อให้ผู้โดยสารมีน้ำใช้ตอนเช้า

ตู้ที่นั่งของเรา โดยส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ไปเที่ยวสมุยบ้าง ชุมพรบ้างหรือไม่ก้อพงัน มีอยู่คนหนึ่งชื่อมิสเตอร์วิลลี่ เขาจะไปชุมพรเขาขอแลกกันถ่ายภาพกับหนูด้วย
ประมาณ 2 ทุ่มพนักงานตู้เสบียงเดินมาถามผู้โดยสารว่า จะสั่งอาหารทานหรือเป่า  เดี๋ยวนี้เขามีเมนูขายเป็นเซ็ต คุณพ่อสั่งต้มยำกุ้ง ผัดผักรวม ข้าวผัดรถไฟ ให้คุณแม่ทานกับหนู เซ็ตนี้รู้สึกจะ 200 บาท ไม่จำแม่น ต้มยำกุ้ง โอเค ข้าวผัดรถไฟไม่อร่อย ผัดผักใช้ได้ ส่วนคุณพ่อทานยอดข้าวกับเลย์ ก็อิ่มแล้ว ฮิ ฮิ
เช้าเราถึงสถานีสุราษฎร์ธานี โชคดีรถไฟไม่เสียเวลา คุณพ่อบอกว่าชอบบรรยากาศตอนเช้าๆ เวลานั่งลงรถไฟลงปักษ์ใต้มาก สองข้างทางรถไฟเป็นสวนยางมองเห็นภาพความเป้นไปของวิถีชาวใต้ เห็นแสงไฟตะเีกียงส่องทางเวลาออกกรีดยาง เห้นความเป็นไปของวิถีชีวิตผู้คนที่สถานีรถไฟ การต่อสู้ ดิ้นรน การเอื้อเฟื้อแบ่งปัน การเอารัดเอาเปรียบ การอดทนรอคอย ความเสียสละ ความเห็นแก่ตัว สามารถสัมผัสได้บนเส้นทางรถไฟ


คุณยายราตรี ใจดี คุยกับคุณพ่อซะดึก เลย